ปอย-กฤตพงศ์ จากความชอบด้านการเทรดหุ้น สู่ผู้แนะนำการลงทุน
จากคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการเทรดหุ้น เริ่มต้นศึกษาแบบงูๆ ปลาๆ ผ่านความล้มเหลวด้านการลงทุน หันมาทุ่มเทศึกษาและเรียนรู้วิธีการลงทุนที่ถูกต้อง ได้ไปบรรยายเรื่องการลงทุนในที่ต่างๆ เขียนหนังสือให้ความรู้เรื่องการลงทุน “Silly Technical” ก่อนจะเลือกผันตัวมาเป็นผู้แนะนำการลงทุน เพราะต้องการความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต
“การได้เข้ามาทำงานเป็นผู้แนะนำการลงทุนที่เคจีไอ เพราะผู้บริหารเห็นเราประความสำเร็จด้านการลงทุนในระดับหนึ่ง รวมถึงได้ไปขึ้นเวทีบรรยายให้ความรู้การลงทุนตามที่ต่างๆ ในสมัยที่เป็น Full-Time Trader จนมีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหาร” ดร.กฤตพงศ์ อรชัยพันธ์ลาภ (ปอย) ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดสัมภาษณ์กับ SHiFT Your Future
ปอย-กฤตพงศ์ ยอมรับว่า รับปากเข้ามาทำงานโดยที่ไม่มีความรู้เรื่องการบริหารเลย เพราะส่วนตัวรู้แต่เรื่องการเทรดหุ้น ได้เรียนรู้งานบริหารจากการเข้ามาทำงานจริงที่เคจีไอ และยังได้เรียนรู้เคสความผิดพลาดในการลงทุนอีกมากมายจากลูกค้า ทำให้รู้ว่าเรื่องไหนควรทำหรือไม่ควรทำกับการลงทุน
นอกจากนี้ คุณปอย ยังมองว่าอาชีพผู้แนะนำการลงทุนนั้นเหมือนการเป็นเพื่อนลูกค้า ที่จะต้องโทรหากัน พูดคุยกันตรงๆ รับฟังเป้าหมาย และช่วยแนะนำ ถึงแม้ว่าลูกค้าอยากลงทุนในสินทรัพย์ที่บริษัทไม่ได้ให้บริการ ก็จะหาข้อมูลและแจ้งช่องทางที่เหมาะสมให้กับลูกค้า อีกส่วนหนึ่ง คือ การแนะนำ Marketing (ผู้แนะนำการลงทุน) ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
“หน้าที่ของเราคือการแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า เราต้องจริงใจกับลูกค้า เพราะการลงทุนจริงๆ ไม่ใช่การแค่ซื้อขาย แต่เป็นการทำให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายการลงทุน”
“การได้เข้ามาทำงานเป็นผู้แนะนำการลงทุนที่เคจีไอ เพราะผู้บริหารเห็นเราประความสำเร็จด้านการลงทุนในระดับหนึ่ง รวมถึงได้ไปขึ้นเวทีบรรยายให้ความรู้การลงทุนตามที่ต่างๆ ในสมัยที่เป็น Full-Time Trader จนมีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหาร” ดร.กฤตพงศ์ อรชัยพันธ์ลาภ (ปอย) ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดสัมภาษณ์กับ SHiFT Your Future
ปอย-กฤตพงศ์ ยอมรับว่า รับปากเข้ามาทำงานโดยที่ไม่มีความรู้เรื่องการบริหารเลย เพราะส่วนตัวรู้แต่เรื่องการเทรดหุ้น ได้เรียนรู้งานบริหารจากการเข้ามาทำงานจริงที่เคจีไอ และยังได้เรียนรู้เคสความผิดพลาดในการลงทุนอีกมากมายจากลูกค้า ทำให้รู้ว่าเรื่องไหนควรทำหรือไม่ควรทำกับการลงทุน
นอกจากนี้ คุณปอย ยังมองว่าอาชีพผู้แนะนำการลงทุนนั้นเหมือนการเป็นเพื่อนลูกค้า ที่จะต้องโทรหากัน พูดคุยกันตรงๆ รับฟังเป้าหมาย และช่วยแนะนำ ถึงแม้ว่าลูกค้าอยากลงทุนในสินทรัพย์ที่บริษัทไม่ได้ให้บริการ ก็จะหาข้อมูลและแจ้งช่องทางที่เหมาะสมให้กับลูกค้า อีกส่วนหนึ่ง คือ การแนะนำ Marketing (ผู้แนะนำการลงทุน) ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
“หน้าที่ของเราคือการแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า เราต้องจริงใจกับลูกค้า เพราะการลงทุนจริงๆ ไม่ใช่การแค่ซื้อขาย แต่เป็นการทำให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายการลงทุน”
เปลี่ยน Passion เป็นอาชีพ ตอบโจทย์คนในครอบครัว
การตัดสินใจเข้ามาเป็นผู้แนะนำการลงทุนของ ปอย-กฤตพงศ์ ไม่ใช่เพียงแค่ความท้าทายด้านการทำงาน แต่ยังเลือกเพราะต้องการความมั่นคงของครอบครัวอีกด้วย
“ต้องเข้าใจว่าผู้ใหญ่ในยุคก่อนอาจจะไม่เข้าใจอาชีพ Full-Time Trader เขามองว่าเราจบปริญญาเอก แต่ทำไมยังมานั่งเทรดหุ้น ใช้ชีวิตไปวันๆ เพราะฉะนั้นการจะ Work Life Balance ต้องแคร์คนในครอบครัวด้วย”
ปอย-กฤตพงศ์ เล่าต่อว่า นอกจากนี้การที่แต่งงานมีลูกแล้วนั้นจะพบว่าความมั่นคงคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะในอดีตตนเองก็เคยผิดพลาด และเคยเห็นคนที่สูญเงิน 40 ล้านบาทภายใน 1 เดือน หรือ 20 ล้านบาทภายใน 1 วัน
“ถึงเราจะเป็นคนที่ระวังตัวอย่างดี แต่ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจจะเจอเหตุการณ์เดียวกันกับคนอื่น ถ้าเรายังทำอาชีพ Full-Time Trader”
นอกจากการทำงานจะทำให้มี Comfort Zone มากขึ้น การได้คุยกับลูกค้าทำให้ได้เห็นปัญหาต่างๆ จากคนที่หลากหลายกัน ทำให้ ปอย มีชีวิตชีวามากขึ้น ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีความท้าทายกับตัวเอง ได้ดูแลทีมหุ้น และขยับมาดูแลทาง Wealth Management เช่น กองทุนหรือตราสารต่างๆ ทำให้ต้องหาข้อมูลมากขึ้น
“หลายคนสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือกอาชีพนี้ แต่ผมรู้สึกดีที่ทำให้ครอบครัวมีความสุข งานที่ทำก็มีความสุขกับการได้พูดคุยกับลูกค้า ผมมองว่ามันอยู่ที่การตอบโจทย์ชีวิต อาชีพผู้แนะนำการลงทุนมันไม่จำเจ เราได้รู้เรื่องแปลกๆ จากลูกค้า เรื่องที่เราไม่สามารถตอบได้ในทันที ซึ่งเราก็จะได้ไปหาคำตอบ และกลับมาให้คำตอบลูกค้า”
การตัดสินใจเข้ามาเป็นผู้แนะนำการลงทุนของ ปอย-กฤตพงศ์ ไม่ใช่เพียงแค่ความท้าทายด้านการทำงาน แต่ยังเลือกเพราะต้องการความมั่นคงของครอบครัวอีกด้วย
“ต้องเข้าใจว่าผู้ใหญ่ในยุคก่อนอาจจะไม่เข้าใจอาชีพ Full-Time Trader เขามองว่าเราจบปริญญาเอก แต่ทำไมยังมานั่งเทรดหุ้น ใช้ชีวิตไปวันๆ เพราะฉะนั้นการจะ Work Life Balance ต้องแคร์คนในครอบครัวด้วย”
ปอย-กฤตพงศ์ เล่าต่อว่า นอกจากนี้การที่แต่งงานมีลูกแล้วนั้นจะพบว่าความมั่นคงคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะในอดีตตนเองก็เคยผิดพลาด และเคยเห็นคนที่สูญเงิน 40 ล้านบาทภายใน 1 เดือน หรือ 20 ล้านบาทภายใน 1 วัน
“ถึงเราจะเป็นคนที่ระวังตัวอย่างดี แต่ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจจะเจอเหตุการณ์เดียวกันกับคนอื่น ถ้าเรายังทำอาชีพ Full-Time Trader”
นอกจากการทำงานจะทำให้มี Comfort Zone มากขึ้น การได้คุยกับลูกค้าทำให้ได้เห็นปัญหาต่างๆ จากคนที่หลากหลายกัน ทำให้ ปอย มีชีวิตชีวามากขึ้น ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีความท้าทายกับตัวเอง ได้ดูแลทีมหุ้น และขยับมาดูแลทาง Wealth Management เช่น กองทุนหรือตราสารต่างๆ ทำให้ต้องหาข้อมูลมากขึ้น
“หลายคนสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือกอาชีพนี้ แต่ผมรู้สึกดีที่ทำให้ครอบครัวมีความสุข งานที่ทำก็มีความสุขกับการได้พูดคุยกับลูกค้า ผมมองว่ามันอยู่ที่การตอบโจทย์ชีวิต อาชีพผู้แนะนำการลงทุนมันไม่จำเจ เราได้รู้เรื่องแปลกๆ จากลูกค้า เรื่องที่เราไม่สามารถตอบได้ในทันที ซึ่งเราก็จะได้ไปหาคำตอบ และกลับมาให้คำตอบลูกค้า”
“เป้าหมาย-วิธีการ” ที่ชัดเจน ช่วยให้อยู่รอดในตลาด
ปอย-กฤตพงศ์ ได้เล่าถึงจุดเปลี่ยนชีวิตว่า “ผมเคยปรึกษา Mentor ว่าจะเรียนคอร์สหุ้นราคาเป็นแสนดีไหม แต่กลับถูก Mentor ย้อนถามกลับมาว่า ได้จด Trading Journal (บันทึกการซื้อขาย) บ้างหรือไม่ และยังบอกอีกว่าคุณจะได้คำตอบจากการสิ่งที่คุณจด”
ด้วยความที่ ปอย ไม่เคยจดมาก่อน จึงตัดสินใจเริ่มจด และได้เห็นว่ามันคือขั้นตอนที่ถูกต้องของการเป็นเทรดเดอร์ การจดไม่ได้ทำให้เก่งขึ้น แต่ทำให้รู้ว่าแต่ละคนมีจุดอ่อนอย่างไร และจะจัดการพอร์ทอย่างไร ทำให้มีวินัย จดว่าวันพรุ่งนี้จะเทรดอะไร มีเป้าหมายการซื้อขายอย่างไร
นักลงทุนจะต้องเรียนรู้ว่าขาดตกบกพร่องอะไร เพราะฉะนั้นเป้าหมายจะต้องชัด วิธีการต้องชัด ซึ่งส่วนมากเป้าหมายชัดแต่วิธีการไม่ชัด พอลงทุนผิดพลาดก็จะเปลี่ยนวิธีการ
“ให้ลองนึกภาพว่าเราข้ามถนนกับข้ามสะพานลอย ผลลัพธ์คือข้ามได้เหมือนกัน แต่วิธีการต่างกัน การข้ามถนนมีความเสี่ยงคือการอาจจะถูกรถชน ถ้าข้ามทางม้าลายความเสี่ยงจะลดลงมานิดหนึ่ง แต่ถ้าข้ามสะพานลอยอาจจะเหนื่อยขึ้นอีกนิดหน่อยแต่เราไม่ถูกรถชนแน่นอน”
ในตลาดหุ้นนั้นหลายคนจะได้ผลลัพธ์ที่ดีคือกำไรแต่วิธีการอาจจะไม่ถูกต้อง และเมื่อวันหนึ่งที่เคราะห์หามยามร้ายเข้ามาก็จะเหมือนกับการโดนรถชน
“เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีความรู้ แต่เราจะรู้ทฤษฎีจากการเรียน หรือความผิดพลาดในอดีตอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องด้วย บางคนอาจต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะรู้”
บทสัมภาษณ์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
อัญรัตน์ พรประกฤต ทายาทรุ่น 4 แห่ง JUBILEE กับ DNA ความคิดต่างจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
เปิดมุมมอง “ธี-ธัชกรณ์ วชิรมน” CEO Sertis กับอนาคต AI ในโลกธุรกิจ และทำไมคนต้องปรับตัว
ปอย-กฤตพงศ์ ได้เล่าถึงจุดเปลี่ยนชีวิตว่า “ผมเคยปรึกษา Mentor ว่าจะเรียนคอร์สหุ้นราคาเป็นแสนดีไหม แต่กลับถูก Mentor ย้อนถามกลับมาว่า ได้จด Trading Journal (บันทึกการซื้อขาย) บ้างหรือไม่ และยังบอกอีกว่าคุณจะได้คำตอบจากการสิ่งที่คุณจด”
ด้วยความที่ ปอย ไม่เคยจดมาก่อน จึงตัดสินใจเริ่มจด และได้เห็นว่ามันคือขั้นตอนที่ถูกต้องของการเป็นเทรดเดอร์ การจดไม่ได้ทำให้เก่งขึ้น แต่ทำให้รู้ว่าแต่ละคนมีจุดอ่อนอย่างไร และจะจัดการพอร์ทอย่างไร ทำให้มีวินัย จดว่าวันพรุ่งนี้จะเทรดอะไร มีเป้าหมายการซื้อขายอย่างไร
นักลงทุนจะต้องเรียนรู้ว่าขาดตกบกพร่องอะไร เพราะฉะนั้นเป้าหมายจะต้องชัด วิธีการต้องชัด ซึ่งส่วนมากเป้าหมายชัดแต่วิธีการไม่ชัด พอลงทุนผิดพลาดก็จะเปลี่ยนวิธีการ
“ให้ลองนึกภาพว่าเราข้ามถนนกับข้ามสะพานลอย ผลลัพธ์คือข้ามได้เหมือนกัน แต่วิธีการต่างกัน การข้ามถนนมีความเสี่ยงคือการอาจจะถูกรถชน ถ้าข้ามทางม้าลายความเสี่ยงจะลดลงมานิดหนึ่ง แต่ถ้าข้ามสะพานลอยอาจจะเหนื่อยขึ้นอีกนิดหน่อยแต่เราไม่ถูกรถชนแน่นอน”
ในตลาดหุ้นนั้นหลายคนจะได้ผลลัพธ์ที่ดีคือกำไรแต่วิธีการอาจจะไม่ถูกต้อง และเมื่อวันหนึ่งที่เคราะห์หามยามร้ายเข้ามาก็จะเหมือนกับการโดนรถชน
“เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีความรู้ แต่เราจะรู้ทฤษฎีจากการเรียน หรือความผิดพลาดในอดีตอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องด้วย บางคนอาจต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะรู้”
บทสัมภาษณ์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
อัญรัตน์ พรประกฤต ทายาทรุ่น 4 แห่ง JUBILEE กับ DNA ความคิดต่างจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก
เปิดมุมมอง “ธี-ธัชกรณ์ วชิรมน” CEO Sertis กับอนาคต AI ในโลกธุรกิจ และทำไมคนต้องปรับตัว
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture