4 เทคนิคมัดใจลูกค้า ก้าวสู่นักขายมืออาชีพ
การติดต่อสื่อสารเป็นสกิลพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน และต้องใช้มันเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับคนในชีวิตประจำวัน สำหรับนักขายนั้น การสื่อสารกับคนนั้นเป็นหัวใจที่ต้องฝึกฝน เพื่อปิดการขายกับลูกค้าให้ได้
แต่กับนักขายเชิงที่ปรึกษา แค่ปิดการขายนั้นยังไม่พอ พวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีเข้าถึงหัวใจลูกค้า เทคนิคการขายแบบรักษาความสัมพันธ์ ให้ลูกค้าไม่รู้สึกอึดอัดใจ
มาลองดูกันว่าเทคนิค 4 ข้อมัดใจลูกค้า ของนักขายเชิงที่ปรึกษานั้นมีอะไรบ้าง
1.ความเชื่อใจ (Trust)
ปกติการจะทำให้คนเชื่อใจนั้นเป็นเรื่องยากมาก บางคนอาจจะต้องคุยกันเป็นเดือน บางคนเป็นปี กว่าจะรู้สึกเชื่อใจกัน
แต่สำหรับนักขายนั้น ลูกค้าอาจจะมีเวลาให้เพียง 5 นาที หรืออย่างมากแค่ 1 ชั่วโมง
จะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกว่าเรา “เข้าถึงง่าย ตรงไปตรงมา และพิเศษกว่าคนอื่น”
สิ่งสำคัญอาจจะอยู่ “7 วินาทีแรก” ที่เราได้พบกับลูกค้าเท่านั้น ซึ่งถ้าทำได้ทั้งหมด การสร้างความเชื่อใจกับลูกค้านั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
แต่กับนักขายเชิงที่ปรึกษา แค่ปิดการขายนั้นยังไม่พอ พวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีเข้าถึงหัวใจลูกค้า เทคนิคการขายแบบรักษาความสัมพันธ์ ให้ลูกค้าไม่รู้สึกอึดอัดใจ
มาลองดูกันว่าเทคนิค 4 ข้อมัดใจลูกค้า ของนักขายเชิงที่ปรึกษานั้นมีอะไรบ้าง
1.ความเชื่อใจ (Trust)
ปกติการจะทำให้คนเชื่อใจนั้นเป็นเรื่องยากมาก บางคนอาจจะต้องคุยกันเป็นเดือน บางคนเป็นปี กว่าจะรู้สึกเชื่อใจกัน
แต่สำหรับนักขายนั้น ลูกค้าอาจจะมีเวลาให้เพียง 5 นาที หรืออย่างมากแค่ 1 ชั่วโมง
จะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกว่าเรา “เข้าถึงง่าย ตรงไปตรงมา และพิเศษกว่าคนอื่น”
สิ่งสำคัญอาจจะอยู่ “7 วินาทีแรก” ที่เราได้พบกับลูกค้าเท่านั้น ซึ่งถ้าทำได้ทั้งหมด การสร้างความเชื่อใจกับลูกค้านั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
2.ความต้องการ (Need)
นักขายส่วนมากขายของเหมือนท่องสคริปมา ไม่ว่าลูกค้าคนไหนเข้ามาก็จะพูดประโยคเดิมๆ จุดเด่นของสินค้าเดิมๆ แต่ถ้าลูกค้าไม่ได้สนใจจุดเด่นพวกนั้นล่ะ ก็จะขายไม่ได้
นักขายที่ดี จะต้องเริ่มจากการตั้งคำถาม หาความต้องการของลูกค้า ดูว่าลูกค้าต้องการอะไรบ้าง และผลิตภัณฑ์ของเรานั้นตรงกับความต้องการลูกค้าหรือไม่
3.การนำเสนอ (Present)
สินค้าจะดีแค่ไหนไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ว่าลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างไรกับสินค้า
นักขายที่มีความสามารถในการนำเสนอ จะสามารถโชว์จุดเด่นให้คนเห็นภาพ ให้ลูกค้ารู้สึกอยากได้
เช่น การจะขายคอมพิวเตอร์สักเครื่อง ก็จะไม่ได้ชูจุดเด่นว่าเครื่องเร็วแค่ไหน แต่จะนำเสนอให้ลูกค้าเห็นว่าจะใช้มันสร้างประโยชน์อะไรกับชีวิตได้บ้าง ในสิ่งที่ลูกค้าคาดไม่ถึง
นักขายส่วนมากขายของเหมือนท่องสคริปมา ไม่ว่าลูกค้าคนไหนเข้ามาก็จะพูดประโยคเดิมๆ จุดเด่นของสินค้าเดิมๆ แต่ถ้าลูกค้าไม่ได้สนใจจุดเด่นพวกนั้นล่ะ ก็จะขายไม่ได้
นักขายที่ดี จะต้องเริ่มจากการตั้งคำถาม หาความต้องการของลูกค้า ดูว่าลูกค้าต้องการอะไรบ้าง และผลิตภัณฑ์ของเรานั้นตรงกับความต้องการลูกค้าหรือไม่
3.การนำเสนอ (Present)
สินค้าจะดีแค่ไหนไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ว่าลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างไรกับสินค้า
นักขายที่มีความสามารถในการนำเสนอ จะสามารถโชว์จุดเด่นให้คนเห็นภาพ ให้ลูกค้ารู้สึกอยากได้
เช่น การจะขายคอมพิวเตอร์สักเครื่อง ก็จะไม่ได้ชูจุดเด่นว่าเครื่องเร็วแค่ไหน แต่จะนำเสนอให้ลูกค้าเห็นว่าจะใช้มันสร้างประโยชน์อะไรกับชีวิตได้บ้าง ในสิ่งที่ลูกค้าคาดไม่ถึง
4.การสนับสนุนลูกค้า (Support)
ไม่ว่าสินค้านั้นจะราคาสูงหรือไม่ ลูกค้าย่อมมีความกังวลใจหลังซื้อ และในฐานะที่เราเป็นนักขายมืออาชีพ เราจะต้องคิดในมุม ว่า “ถ้าเราเป็นลูกค้าเราจะกังวลเรื่องใดบ้าง”
ให้ลองคิดไปก่อนว่า.. สินค้าเราดีจริงหรือไม่ ใช้งานยากไหม รับประกันไหม คุ้มไหม มีปัญหาติดต่อใครได้
ทั้งนี้ เราต้องมีวิธีปิดการขาย ทำให้ลูกค้าลดความกังวลใจ เช่น ยินดีดูแล ถ้าสินค้ามีปัญหาให้ติดต่อมาได้ทุกเมื่อ
ไม่เป็นนักขายก็เรียนรู้ได้
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การติดต่อสื่อสารเป็นสกิลพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน และการทำความเข้าใจผู้ที่สื่อสารด้วยนั้นก็มีความสำคัญกับทุกคนที่ทำธุรกิจขายสินค้าและบริการ
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขายของราคาแพงอย่าง รถ หรือ คอนโด ที่ต้องคอยดูแลลุกค้าเป็นอย่างดี
แต่คนที่ทำธุรกิจบริการ เช่น คลินิกเสริมสวย หรือ ฟิตเนส ต่างๆ ที่จะต้องเจอกับลูกค้าหน้าเดิมและหน้าใหม่ อย่างสม่ำเสมอ การนำ 4 เทคนิค อย่าง Trust Need Present และ Support ไปใช้กับธุรกิจก็จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
-13 วิธีเพิ่ม Conversion Rate ที่ธุรกิจออนไลน์ควรรู้
-บริหารการตลาดผิดพลาด สิ่งที่น่ากังวลกว่าภาษี e-Service
ไม่ว่าสินค้านั้นจะราคาสูงหรือไม่ ลูกค้าย่อมมีความกังวลใจหลังซื้อ และในฐานะที่เราเป็นนักขายมืออาชีพ เราจะต้องคิดในมุม ว่า “ถ้าเราเป็นลูกค้าเราจะกังวลเรื่องใดบ้าง”
ให้ลองคิดไปก่อนว่า.. สินค้าเราดีจริงหรือไม่ ใช้งานยากไหม รับประกันไหม คุ้มไหม มีปัญหาติดต่อใครได้
ทั้งนี้ เราต้องมีวิธีปิดการขาย ทำให้ลูกค้าลดความกังวลใจ เช่น ยินดีดูแล ถ้าสินค้ามีปัญหาให้ติดต่อมาได้ทุกเมื่อ
ไม่เป็นนักขายก็เรียนรู้ได้
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การติดต่อสื่อสารเป็นสกิลพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน และการทำความเข้าใจผู้ที่สื่อสารด้วยนั้นก็มีความสำคัญกับทุกคนที่ทำธุรกิจขายสินค้าและบริการ
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขายของราคาแพงอย่าง รถ หรือ คอนโด ที่ต้องคอยดูแลลุกค้าเป็นอย่างดี
แต่คนที่ทำธุรกิจบริการ เช่น คลินิกเสริมสวย หรือ ฟิตเนส ต่างๆ ที่จะต้องเจอกับลูกค้าหน้าเดิมและหน้าใหม่ อย่างสม่ำเสมอ การนำ 4 เทคนิค อย่าง Trust Need Present และ Support ไปใช้กับธุรกิจก็จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
-13 วิธีเพิ่ม Conversion Rate ที่ธุรกิจออนไลน์ควรรู้
-บริหารการตลาดผิดพลาด สิ่งที่น่ากังวลกว่าภาษี e-Service
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture