ส่อง 10 กลยุทธ์การตลาดที่ได้รับการยอมรับ ช่วยแบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
กลยุทธ์การตลาด เป็นสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค แต่ละองค์กรจะเลือกช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความถนัดและการตอบรับจากลูกค้า วิธีการไหนที่ได้ผลดีองค์กรก็มักจะเลือกใช้เป็นอันดับแรกๆ และใช้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่โฟกัสกับวิธีการอื่นๆ ที่ยังมีให้เลือกอีกมากมาย
ในบทความนี้ จะพามารู้จัก 10 วิธีทำการตลาดที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม
การตลาดโซเชียลมีเดีย และการทำไวรัล (Viral)
การตลาดรูปแบบนี้จะโฟกัสไปที่การสร้างคอนเทนต์ที่ผู้อ่านชอบ รู้สึกถึงคุณค่าของเนื้อหา และแชร์ผ่านโซเชียล ส่งผลให้มีการมองเห็นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การแชร์เนื้อหา วิดีโอ และรูปภาพบนโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Twitter, YouTube และ Instagram ยังช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) จาก Google หรือ Yahoo มากขึ้น
ทั้งนี้จากผลสำรวจพบว่า 61% ของบริษัทใช้โซเชียลเพื่อต้องการเพิ่มยอดขาย (Conversion)
การซื้อโฆษณาออนไลน์
การใช้เงินซื้อสื่อเป็นเครื่องมือที่บริษัทต่างๆ ใช้ในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ผ่านการโฆษณา หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการจ่ายต่อคลิก Pay-per-click (PPC) คือทุกครั้งที่มีการคลิกโฆษณา บริษัทจะจ่ายเงินให้กับเครื่องมือค้นหา เช่น Google เป็นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่คลิกลิงก์
กระบวนการนี้เรียกโดยทั่วไปว่าการทำ Search Engine Marketing หรือ SEM ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าลูกค้าที่ใกล้จะตัดสินใจซื้อ 65% จะคลิกโฆษณาแบบชำระเงิน
การตลาดอินเทอร์เน็ต หรือการตลาดออนไลน์
เป็นการผสมผสานเว็บและอีเมลเพื่อโฆษณาและกระตุ้นยอดขายอีคอมเมิร์ซ อาจมีการรวมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อส่งเสริมแบรนด์ ผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งการตลาดรูปแบบนี้มักใช้ร่วมกับการโฆษณาแบบดั้งเดิมด้วย เช่น วิทยุ โทรทัศน์ และสิ่งพิมพ์
การตลาดอีเมล
เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูแลและสร้างยอดขายจากลูกค้าเป้าหมาย การตลาดผ่านอีเมลเป็นกระบวนการอัตโนมัติที่กำหนดเป้าหมายไปยังผู้มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าและลูกค้าโดยเฉพาะ ซึ่งความสำเร็จของการตลาดทางอีเมลวัดจากอัตราการเปิดอ่านและอัตราการคลิกลิงก์ในอีเมล
แต่การส่งอีเมลก็มีโอกาสที่ถูกมองว่าเป็นสแปม
การตลาดแบบขายตรง
การทำการตลาดและการขายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคโดยตรง เป็นรูปแบบที่ตัวแทนขายสร้างความสัมพันธ์แบบเห็นหน้ากันกับบุคคลนอกพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งมักจะเป็นการนัดพบกันที่บ้านของลูกค้า
การตลาด ณ จุดซื้อ (POP)
POINT-OF-PURCHASE MARKETING (POP) เป็นการขายให้กับนักช้อปที่อยู่ในร้านและพร้อมที่จะซื้อ โดยนักพูดที่อยู่ในร้าน กล่าวถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ ข้อเสนอพิเศษ และบอกตำแหน่งของสินค้าที่วางโชว์อยู่ โดยใช้เสียงที่ดังกว่าการคุยกัน 2 คนเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่อยู่ในบริเวณร้าน ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าได้มากขึ้น
การตลาดแบบสร้างแบรนด์ร่วม
เป็นวิธีการทางการตลาดที่มีแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างน้อยสองแบรนด์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมและขายผลิตภัณฑ์หรือบริการเดียว ซึ่งเป็นการเพิ่มการรับรู้ถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ดังนั้นผู้บริโภคจึงมีแนวโน้มที่จะซื้อและยินดีจ่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการยกระดับการตลาดและเพิ่มชื่อเสียงของแบรนด์
การตลาดเชิงสนทนา (การตอบแชท)
การตลาดรูปแบบนี้เป็นเพียงการสนทนาเท่านั้น โต้ตอบแบบเรียลไทม์ผ่านแชทบอทหรือแชทสดต่อผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า ช่วยตอบคำถามต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ และรับการตอบคำถามในทันที โดยทั่วไปจะช่วยลดเวลาที่ผู้ซื้ออยู่ในกระบวนการขาย (Conversion) เกิดขึ้นเร็วกว่าเพราะสามารถสร้างความสัมพันธ์ได้เร็วกว่า
การตลาดแบบใช้สื่อที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
เป็นรูปแบบการประชาสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นนอกเหนือจากการโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่าย สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การทำ Testimonial บนโซเชียลมีเดีย การบอกปากต่อปาก การถูกพูดถึงผ่านทางโทรทัศน์หรือวิทยุ บทความในหนังสือพิมพ์หรือบทบรรณาธิการ ซึ่งการถูกพูดถึงในลักษณะนี้จะสร้างความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ได้ค่อยข้างมาก
ส่วนข้อจำกัดของสื่อประเภทนี้คือ ยอดการรับชมจะมาในรูปแบบออแกนิกเท่านั้น และแบรนด์ไม่สามารถควบคุมได้ รวมถึงไม่สามารถซื้อได้เหมือนการซื้อโฆษณา
การเล่าเรื่อง (STORYTELLING)
เป็นรูปแบบการสื่อสารเพื่อดึงดูดผู้บริโภคในระดับอารมณ์ แทนที่จะบอกเล่าข้อเท็จจริงและตัวเลข การเล่าเรื่องช่วยให้แบรนด์สร้างเรื่องราวที่น่าจดจำว่าบริษัทของคุณเป็นใคร ทำอะไร แก้ปัญหาอย่างไร และให้คุณค่ากับอะไร รวมถึงวิธีที่แบรนด์มีส่วนร่วมในชุมชนและสาธารณชนทั่วไป
ซึ่งการที่แบรนด์มี STORYTELLING ที่ดีจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์เชิงบวกกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ที่มา weidert.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
-Makoto Marketing คอร์สสั้นๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตด้วยความจริงใจ ใส่ใจ
-“Soup Stock Tokyo” ร้านขายซุปที่เกิดมาเพื่อสร้างความอบอุ่น
ในบทความนี้ จะพามารู้จัก 10 วิธีทำการตลาดที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม
การตลาดโซเชียลมีเดีย และการทำไวรัล (Viral)
การตลาดรูปแบบนี้จะโฟกัสไปที่การสร้างคอนเทนต์ที่ผู้อ่านชอบ รู้สึกถึงคุณค่าของเนื้อหา และแชร์ผ่านโซเชียล ส่งผลให้มีการมองเห็นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การแชร์เนื้อหา วิดีโอ และรูปภาพบนโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Twitter, YouTube และ Instagram ยังช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) จาก Google หรือ Yahoo มากขึ้น
ทั้งนี้จากผลสำรวจพบว่า 61% ของบริษัทใช้โซเชียลเพื่อต้องการเพิ่มยอดขาย (Conversion)
การซื้อโฆษณาออนไลน์
การใช้เงินซื้อสื่อเป็นเครื่องมือที่บริษัทต่างๆ ใช้ในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ผ่านการโฆษณา หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการจ่ายต่อคลิก Pay-per-click (PPC) คือทุกครั้งที่มีการคลิกโฆษณา บริษัทจะจ่ายเงินให้กับเครื่องมือค้นหา เช่น Google เป็นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่คลิกลิงก์
กระบวนการนี้เรียกโดยทั่วไปว่าการทำ Search Engine Marketing หรือ SEM ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าลูกค้าที่ใกล้จะตัดสินใจซื้อ 65% จะคลิกโฆษณาแบบชำระเงิน
การตลาดอินเทอร์เน็ต หรือการตลาดออนไลน์
เป็นการผสมผสานเว็บและอีเมลเพื่อโฆษณาและกระตุ้นยอดขายอีคอมเมิร์ซ อาจมีการรวมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อส่งเสริมแบรนด์ ผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งการตลาดรูปแบบนี้มักใช้ร่วมกับการโฆษณาแบบดั้งเดิมด้วย เช่น วิทยุ โทรทัศน์ และสิ่งพิมพ์
การตลาดอีเมล
เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูแลและสร้างยอดขายจากลูกค้าเป้าหมาย การตลาดผ่านอีเมลเป็นกระบวนการอัตโนมัติที่กำหนดเป้าหมายไปยังผู้มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าและลูกค้าโดยเฉพาะ ซึ่งความสำเร็จของการตลาดทางอีเมลวัดจากอัตราการเปิดอ่านและอัตราการคลิกลิงก์ในอีเมล
แต่การส่งอีเมลก็มีโอกาสที่ถูกมองว่าเป็นสแปม
การตลาดแบบขายตรง
การทำการตลาดและการขายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคโดยตรง เป็นรูปแบบที่ตัวแทนขายสร้างความสัมพันธ์แบบเห็นหน้ากันกับบุคคลนอกพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งมักจะเป็นการนัดพบกันที่บ้านของลูกค้า
การตลาด ณ จุดซื้อ (POP)
POINT-OF-PURCHASE MARKETING (POP) เป็นการขายให้กับนักช้อปที่อยู่ในร้านและพร้อมที่จะซื้อ โดยนักพูดที่อยู่ในร้าน กล่าวถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ ข้อเสนอพิเศษ และบอกตำแหน่งของสินค้าที่วางโชว์อยู่ โดยใช้เสียงที่ดังกว่าการคุยกัน 2 คนเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่อยู่ในบริเวณร้าน ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าได้มากขึ้น
การตลาดแบบสร้างแบรนด์ร่วม
เป็นวิธีการทางการตลาดที่มีแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างน้อยสองแบรนด์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมและขายผลิตภัณฑ์หรือบริการเดียว ซึ่งเป็นการเพิ่มการรับรู้ถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ดังนั้นผู้บริโภคจึงมีแนวโน้มที่จะซื้อและยินดีจ่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการยกระดับการตลาดและเพิ่มชื่อเสียงของแบรนด์
การตลาดเชิงสนทนา (การตอบแชท)
การตลาดรูปแบบนี้เป็นเพียงการสนทนาเท่านั้น โต้ตอบแบบเรียลไทม์ผ่านแชทบอทหรือแชทสดต่อผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า ช่วยตอบคำถามต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ และรับการตอบคำถามในทันที โดยทั่วไปจะช่วยลดเวลาที่ผู้ซื้ออยู่ในกระบวนการขาย (Conversion) เกิดขึ้นเร็วกว่าเพราะสามารถสร้างความสัมพันธ์ได้เร็วกว่า
การตลาดแบบใช้สื่อที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
เป็นรูปแบบการประชาสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นนอกเหนือจากการโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่าย สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การทำ Testimonial บนโซเชียลมีเดีย การบอกปากต่อปาก การถูกพูดถึงผ่านทางโทรทัศน์หรือวิทยุ บทความในหนังสือพิมพ์หรือบทบรรณาธิการ ซึ่งการถูกพูดถึงในลักษณะนี้จะสร้างความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ได้ค่อยข้างมาก
ส่วนข้อจำกัดของสื่อประเภทนี้คือ ยอดการรับชมจะมาในรูปแบบออแกนิกเท่านั้น และแบรนด์ไม่สามารถควบคุมได้ รวมถึงไม่สามารถซื้อได้เหมือนการซื้อโฆษณา
การเล่าเรื่อง (STORYTELLING)
เป็นรูปแบบการสื่อสารเพื่อดึงดูดผู้บริโภคในระดับอารมณ์ แทนที่จะบอกเล่าข้อเท็จจริงและตัวเลข การเล่าเรื่องช่วยให้แบรนด์สร้างเรื่องราวที่น่าจดจำว่าบริษัทของคุณเป็นใคร ทำอะไร แก้ปัญหาอย่างไร และให้คุณค่ากับอะไร รวมถึงวิธีที่แบรนด์มีส่วนร่วมในชุมชนและสาธารณชนทั่วไป
ซึ่งการที่แบรนด์มี STORYTELLING ที่ดีจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์เชิงบวกกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ที่มา weidert.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
-Makoto Marketing คอร์สสั้นๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตด้วยความจริงใจ ใส่ใจ
-“Soup Stock Tokyo” ร้านขายซุปที่เกิดมาเพื่อสร้างความอบอุ่น
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture